การซื้อขาย-แลกเปลี่ยนอุปกรณ์ทำเพลงในยุคนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ได้รับความนิยมอย่างมาก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ เช่น ช่วยประหยัดงบประมาณ หรือเป็นรุ่นที่หาซื้อไม่ได้ตามท้องตลาด ฯลฯ
บทความนี้จึงขอยกตัวอย่างการเลือกซื้อ Audio Interface มือสอง ว่ามีสิ่งใดบ้างที่ต้องรู้ ต้องพิจารณา
ยังใช้งานได้
ถ้าเราจะซื้อ Audio Interface มือสองมาใช้งาน มันก็ต้องยังทำงานได้ปกติ เช็คตามรายการดังนี้
- ใช้งานได้ปกติครบทุกฟังก์ชั่น สอบถามจากผู้ขายว่าสามารถทำงานได้ครบทุกฟังก์ชั่นหรือไม่
- สภาพตัวถังภายนอก ข้อนี้อยู่ที่ความพอใจของแต่ละบุคคลเลย บางทีรอยถลอกเล็กๆ เราก็อาจจะมองข้ามไปได้ ไม่ต้องไปใส่ใจอะไร แต่ถ้าบิดเบี้ยวมาก อาจจะทำให้แผงวงจรด้านในเกิดความเสียหาย
- สภาพปุ่มต่างๆ ปุ่มต่างๆ ควรใช้งานได้ปกติ ไม่ว่าจะเป็น สวิตซ์ เปิด-ปิด ,Knob หมุนปรับค่าต่างๆ
- ไฟสถานะ ,มิเตอร์ ไฟแสดงสถานะต่างๆ เช่น ไฟ Phantom +48v จะช่วยบอกให้รู้ว่า เปิดอยู่หรือไม่ เพราะถ้าไฟไม่ทำงานอาจจะทำให้ไมค์พัง เช่น ไมค์แบบไดนามิค ไม่ต้องการไฟเลี้ยง รวมไปถึงไฟแสดงความดังของสัญญาณ input ว่า clip หรือยัง ถ้าไม่มีจะส่งผลต่อคุณภาพการบันทึกเสียงของเรา เพราะไม่สามารถตรวจสอบความแรงของสัญญาณได้
- พอร์ตเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ Audio Interface ในยุคนี้ส่วนใหญ่จะเป็นแบบ External เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ผ่านทางพอร์ต USB ,Thunderbolt ,Firewire ดังนั้นควรเช็คสภาพให้ดีว่ายังเชื่อมต่อได้ดีอยู่หรือไม่ ไม่หลวมจนติดๆ ดับๆ
- Input / Output ช่อง Input สำหรับเสียบไมค์ ,Instrument (เครื่องดนตรี) ,Line in รวมไปถึงช่องเสียบหูฟัง (Headphone) หรือ Output สำหรับเชื่อมต่อกับลำโพงมอนิเตอร์ ควรอยู่ในสภาพใช้งานได้ปกติไม่หลวมจนเสียงติดๆ ดับๆ
สำหรับใครที่คิดว่าจะซื้อมาซ่อม ต้องสามารถวิเคราะห์ได้จริงๆ ว่าซ่อมได้ อย่าใช้ความรู้สึกนะครับ ถ้าจะซื้อหวยจริงๆล่ะก็ ต้องเผื่อใจไว้ครึ่งๆ ว่าจะซ่อมไม่ได้ด้วยนะครับ
เทคโนโลยีที่ยังเข้ากันได้
Audio Interface มือสองที่กำลังเล็งอยู่ ถ้าเป็นรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบัน ก็คงไม่ต้องห่วงอะไรมาก เพราะแน่นอนมันต้องเข้ากันได้กับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อื่นๆ ณ เวลานั้นได้แน่ๆครับ
แต่ถ้าเป็น Audio Interface ที่เป็นรุ่นเก่าแล้ว วางจำหน่ายในตลาดมาหลายปีแล้ว มีสิ่งที่ต้องพิจารณาดังต่อไปนี้
- พอร์ตการเชื่อมต่อ ในปี 2021 นี้ พอร์ต USB ก็ยังคงเป็นที่นิยมมากที่สุด เราต้องดูว่าคอมพิวเตอร์ของเรารองรับพอร์ตการเชื่อมต่อของ Audio Interface ตัวนั้นไหม ยกตัวอย่าง เช่น Audio Interface รุ่นเก่าที่เป็นพอร์ต Firewire หรือ PCI Card เราก็ต้องหันไปมองคอมพิวเตอร์ของเราว่ามีพอร์ตนั้นหรือไม่
- ไดร์ฟเวอร์ ยังมีอัพเดตอยู่หรือไม่ คอมพิวเตอร์มีการอัพเดตระบบปฏิบัติการ (OS) รุ่นใหม่ ตามยุคสมัยอยู่เสมอ เราต้องมั่นใจว่าผู้ผลิต Audio Interface รุ่นนั้นยังคงอัพเดตไดร์ฟเวอร์ ให้รองรับ OS ตัวใหม่อยู่หรือไม่ เช่น ณ ปี 2021 นี้ก็จะนิยมใช้ Windows 10 และ MacOS Big Sur แล้วจะรู้ได้อย่างไร ? ง่ายมากครับ เข้าไปดูที่เว็บไซต์ของผู้ผลิตได้เลย ดูว่ายังมีให้ดาวน์โหลดไดร์ฟเวอร์ที่รองรับ OS ที่เราใช้งานอยู่หรือไม่ ถ้าเป็นรุ่นเก่ามากๆ ผู้ผลิตก็อาจจะเลิกซัพพอร์ตไปแล้วครับ
- ระบบปฏิบัตการ (OS) มี Audio Interface บางรุ่นสามารถใช้งานได้เฉพาะบาง OS เท่านั้น ยกตัวอย่าง Audio Interface ยี่ห้อ Apogee ส่วนใหญ่จะรองรับ MacOS เท่านั้น ไม่สามารถใช้งานกับ Windows ได้เลย ส่วนใหญ่จะพิมพ์ไว้ข้างกล่อง และก็สามารถดูข้อมูลสเป็คได้บนเว็บไซต์ผู้ผลิต
- รองรับ DAW ที่เราทำงาน - มีบางบริษัทได้ผลิต Audio Interface มาเพื่อใช้งานกับ DAW ของตนเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น Audio Interface บางตัวที่ผลิตมาเพื่อใช้งานกับโปรแกรม Pro Tools เท่านั้น ไม่สามารถนำไปใช้งานกับ Logic Pro X หรือ Cubase ได้ ต้องเช็คจุดนี้ด้วย
- อุปกรณ์ครบ พร้อมใช้งาน - Audio Interface รุ่นเก่าบางรุ่น จะมี PCI Card เสียบที่เมนบอร์ดของคอมพิวเตอร์ แล้วเสียบสายออกมายัง กล่อง I/O ภายนอก เช่น E-MU 1820M ต้องมันใจว่าได้อุปกรณ์มาครบ ถึงจะใช้งานได้
- การจ่ายไฟเลี้ยง Audio Interface ในยุคนี้ ส่วนใหญ่จะจ่ายไฟเลี้ยงผ่านทางสาย USB แต่ก็มีบางรุ่นที่ต้องการกระแสไฟจำนวนมาก จึงต้องใช้ Ac adapter แยกมาต่างหากโดยเฉพาะ อย่าลืมเช็คด้วยว่าใช้กับไฟฟ้าบ้านเรา 220V AC ได้หรือไม่ ถ้าเป็น 110V AC ก็จะต้องหาหม้อแปลง 220V AC -> 110V AC มาใช้งานร่วมด้วย
เพิ่มเติม
มีรายการเพิ่มเติมที่อาจจะไม่ได้สำคัญมากนักให้พิจารณาอีก ดังนี้
- ประกัน ยังอยู่ในระยะการประกันหรือไม่ ? ถ้ามีทางเลือก ก็พิจารณาเรื่องประกันด้วยก็ดีครับ ถ้าไม่แคร์ก็ข้ามไปได้เลย ยิ่งเป็นรุ่นเก่าๆ หมดประกันแล้วล่ะครับ ไม่ต้องคาดหวัง
- DAW ที่แถมมาด้วย Audio Interface ในปัจจุบันมักจะแถมโปรแกรมทำเพลงและ Plug-ins ให้มาด้วย ลองสอบถามจากผู้ขายว่าใช้งานไปแล้วหรือยัง หรือสามารถโอนกรรมสิทธิ์ให้เราได้หรือไม่
- การจัดส่งพัสดุ ถ้าเป็นการซื้อ-ขายผ่านทางออนไลน์แล้วส่งพัสดุมาให้เรา อย่าลืมตกลงกับผู้ขายให้ชัวร์ว่าจะจัดส่งให้เราช่องทางไหน ถ้าส่งทาง ปณ แนะนำให้ส่งแบบพัสดุด่วน EMS (1-2 วันถึงปลายทาง) หรือแบบพัสดุลงทะเบียน (3-5 วันถึงปลายทาง) 2 แบบนี้จะมี Tracking Number ให้ สามารถตรวจสอบได้ว่าพัสดุเดินทางถึงไหนแล้ว และถ้าแบบพัสดุด่วน EMS จะมีการรับประกันพัสดุสูญหายราวๆ 1,500 บาทให้ด้วย จะซื้อประกันเพิ่มแบบเต็มจำนวนของพัสดุก็ย่อมได้ หรือจะใช้ขนส่งรายอื่น ก็อย่าลืมเช็คให้ดีครับ เพื่อป้องกันพัสดุสูญหายและเสียหาย โอนเงินแล้วไม่ได้รับของ
หลังอ่านบทความนี้จบ ผมก็หวังว่าท่านผู้อ่านจะได้ประโยชน์ไปบ้างนะครับ คิดเห็นอย่างไร สามารถ comment ใต้บทความได้เลยนะครับ มาพูดคุยแบ่งปันประสบการณ์การซื้อ Audio Interface มือสองกันครับ